เครื่องมือช่างที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นช่างมืออาชีพ หรือมือสมัครเล่นที่จำเป็นจะต้องมีติดบ้านไว้ นั่นก็คือ สว่าน เนื่องจากเป็นเครื่องมืออุปกรณ์พื้นฐานที่สามารถใช้ได้กับงานหลากหลายทั่วไป เรียกว่า เป็นเครื่องมือที่ใช้ง่าย ใครๆก็สามารถใช้ได้ โดยเน้นงานเจาะเป็นหลัก  ซึ่งในท้องตลาดทุกวันนี้สว่านก็มีหลากหลายประเภทให้เลือกสรร

ในปัจจุบันนี้เราสามารถจำแนกประเภทของของสว่านตามคุณลักษณะใหญ่ๆได้ 2 ประเภทคือ สว่านไฟฟ้า  และ สว่านไร้สาย หรือ สว่านแบตเตอรี่ ทั้งนี้ในการเลือกใช้สว่าน เราควรพิจารณาถึงวัสดุที่เราจะใช้เจาะเป็นหลักด้วย

สว่านไฟฟ้า (Electric Drill)

เป็นสว่านที่ได้รับความนิยมทั่วไปจากผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นช่างผู้รับเหมา หรือต้องการสว่านไว้สำหรับทำงานเล็กๆน้อยๆในบ้าน โดยทั้งนี้การเลือกใช้สว่านประเภทนี้อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นใช้งานที่จำเป็นจะต้องมีไฟฟ้าเข้าถึง ข้อดีของสว่านไฟฟ้านั้นก็คือผู้ใช้สามารถทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ตลอดทั้งวัน โดยไม้ต้องกังวลใจกับกำลังชองเครื่อง แต่ทั้งนี้สว่านไฟฟ้าอาจจะทำให้ลดความคล่องตัวในการทำงาน อันเนื่องมาจากปัญหาสายไฟที่ทำให้ผู้ทำงานไม่ได้รับความสะดวกนัก

สว่านไร้สาย หรือ สว่านแบตเตอรี่ (Cordless drill) 

ในปัจจุบันกระแส DIY (Do It Yourself) กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ผู้คนจำนวนไม่น้อยมักจะใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการทำงานของพวกเค้า สว่านไร้สาย หรือสว่านแบตเตอรี่ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ตัวสว่านเองไม่มีสายไฟพะรุงพะรังให้เกะกะรำคาญใจในการทำงาน และผู้ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องง้อไฟฟ้า จึงสามารถพกพาสว่านไปใช้งานได้ในทุกๆที่ เพิ่มความคล่องตัวและสะดวกในการทำงานอย่างมาก แต่กระนั้นราคาสว่านไร้สายในท้องตลาดก็ยังมีราคาสูงอยู่มากเมื่อเทียบกับสว่านไฟฟ้า นอกจากนี้ก็อาจจะมีข้อจำกัดของกำลังเครื่องซึ่งอาศัยแบตเตอรี่ในการจ่ายไฟให้กับสว่าน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถใช้สว่านทำงานต่อเนื่องได้ตลอดทั้งวันนั่นเอง

เลือกซื้อสว่านยังไง? ให้ถูกประเภทการใช้งาน

1.การเลือกซื้อจากกำลังวัตต์

กำลังไฟฟ้า มีหน่วยเป็นวัตต์ จำนวนวัตต์สูงๆ นอกจากให้กำลังในการทะลุทะลวงสูงแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานกว่า โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อนเกิน แต่กิกินไฟเยอะกว่าด้วย ส่วนสว่านไร้สายกำลังไฟจะบอกเป็นโวลต์ ตัวเลขยิ่งสูง หมายถึง กำลังและน้ำหนักของแบตเตอรี่ที่มากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าแบตเตอรี่จะอยู่ได้นานกว่า เช่น หากอยากได้สว่านใช้งานทั่วไปในบ้าน งาน DIY ถ้าเป็นสว่านไฟฟ้า กำลังไฟฟ้าส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 300 w ซึ่งจะให้ความเร็วรอบในการเจาะงานประเภทต่าง ๆ ได้หรือหากจะเป็นสว่านแบตเตอรี่ไร้สาย กำลังของสว่านไร้สายมีหน่วยเป็นโวลต์ (V) สำหรับการใช้งานทั่วไปในบ้าน ควรเลือกที่12 -18 โวลต์ สว่านกำลังโวลต์ต่ำๆ เหมาะกับงานเบาอย่างเปลี่ยน มือจับตู้ เปลี่ยนบานพับ ในปัจจุบันมีสว่านไร้สายที่กำลังโวลต์สูง ที่สามารถ เจาะคอนกรีตไต้ด้วย หรือเรียกว่า สว่านกระแทกไร้สาย

2.การเลือกซื้อจากประเภทของการทำงาน

เช่น ต้องการเจาะแบบธรรมดาหรือต้องการการเจาะแบบกระแทก สำหรับการเจาะปูนสังเกตุที่ตัวสว่านที่ด้านบนจะมีปุ่มสำหรับเลือกการทำงานเป็นการเจาะแบบไหน สำหรับงานเจาะไม้ เหล็ก หรืออะลูมิเนียม งานทั่วๆไป สว่านที่นิยมใช้ก็จะเป็น สว่านแบบธรรมดา บางรุ่นมีปุ่มปรับ ที่สามารถใช้ขันและคลายสกรูได้ ลักษณะภายนอกคล้ายกับสว่านกระแทก แต่ สว่านกระแทก จะมีกำลังค่อนข้างสูง มีคุณสมบัติมากกว่าสว่านธรรมดา คือ นอกจากเจาะไม้ เหล็กได้ ยังสามารถเจาะคอนกรีต อิฐ และ หินได้ด้วย สำหรับ ผู้เชี่ยวชาญ หรือ มืออาชีพ สว่านที่ต้องมีไว้ช่วยผ่อนแรงในการเจาะงาน ก็จะเป็นสว่านประเภท สว่านโรตารี่ เพราะต้องเจอกับงานที่ต้องออกแรงค่อนข้างมากในการเจาะคอนกรีตหรือหิน (สามารถเจาะไม้และเหล็กได้ด้วย) สว่านโรตารี่ แบ่งเป็น สว่านโรตารี่ 2 ระบบ สำหรับการเจาะไม่กระแทกและเจาะกระแทก กับสว่าน โรตารี่ 3 ระบบ สำหรับการเจาะไม่กระแทก เจาะกระแทก และระบบสกัด

3.การเลือกซื้อจากสถานที่และความสะดวกในการใช้งาน

ยกตัวอย่างเช่น หากต้องใช้งานในสถานที่ ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ซึ่งหากไม่มีเครื่องปั่นไฟแล้ว ก็จำเป็นจะต้องมี สว่านแบตเตอรี่ไร้สาย ไว้คู่กาย ซึ่งสว่านไร้สายก็จะมีกลุ่มประเภทเหมือนกับสว่านไฟฟ้าคือ สว่านธรรมดาไร้สาย, สว่านกระแทกไร้สาย, สว่านโรตารี่ไร้สาย

ส่วนชนิดของแบตเตอรี่ ขอแนะนำ ให้เลือกรุ่นที่มีแบตเตอรี่ประเภท ลิเทียม-ไอออน (LITHIUM-ION) เพราะแบตเตอรี่ส่วนใหญ่เมื่อแบตเริ่มอ่อนแรงก็จะเริ่มตกทำให้ไม่สามารถทำงานต่อได้เมื่อแบตอ่อน แต่ แบตเตอรี่ ลิเทียม-ไอออน ข้อดีคือแรงไม่มีตกจนแม้แบตเตอรี่จะอ่อนก็ตาม

การจัดเก็บและบำรุงรักษาสว่าน
1.เมื่อใช้งานสว่านเสร็จแล้ว ควรมีการทำความสะอาดทุกครั้ง โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นซอกที่อาจมีเศษผงจากการเจาะเข้ามาติดในมอเตอร์ ซึ่งอาจทำให้สว่านพังหรือเกิดความเสียหายได้

2..ตรวจสอบตรวจซ่อมสว่านว่ายังคงมีสภาพการใช้งานได้ปกติ รวมไปถึงสายไฟก็ควรตรวจเช็คให้ละเอียด เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานในครั้งต่อไป

3.หลังจากใช้งานสว่านเสร็จ ควรถอดดอกสว่านออกทุกครั้ง และในส่วนที่เป็นโลหะควรเช็ดด้วยน้ำมันเพื่อป้องกันการขึ้นสนิม

4.เก็บสว่านและอุปกรณ์ต่างๆ ลงกล่องของมันให้ถูกที่ และไม่ควรเก็บไว้ในที่ชื้น ควรเก็บไว้ในที่เเห้ง

จากที่กล่าวมาเบื้องต้น  หากเรารู้จักเลือกใช้สว่านที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับชิ้นงาน ย่อมทำให้งานของเราสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี  ทั้งยังประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายไปได้มากเรียกได้ว่า

“เครื่องมือดีมีชัยไปกว่าครึ่ง”