เวลาที่โรงงานหรือฝ่ายจัดซื้อต้องเลือกเครื่องมือ สิ่งแรกที่ถูกนำมาเปรียบเทียบเสมอคือ ราคา แต่หากพิจารณาเฉพาะราคาหน้าสินค้า อาจทำให้ตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย เพราะสิ่งที่ควรมองจริงๆ คือ Total Cost of Ownership (TCO) หรือต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งรวมทั้งราคาซื้อ อายุการใช้งาน ค่า Downtime การซ่อมบำรุง บริการหลังการขาย และผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กร

1. ราคาเริ่มต้น

• จีน: ราคาต่อชิ้นต่ำมาก เหมาะกับงานที่ต้องการปริมาณเยอะและต้นทุนเริ่มต้นต่ำ เหมาะกับโรงงานที่มีงบประมาณจำกัด

• เยอรมัน: ราคาสูงกว่า 2–3 เท่า แต่สิ่งที่ได้คือคุณภาพระดับสูงและความมั่นใจว่าเครื่องมือถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานหนักและต่อเนื่อง

2. อายุการใช้งาน

• จีน: อายุการใช้งานสั้น เฉลี่ย 3–6 เดือน บางครั้งเสียก่อนกำหนดการใช้งานจริง ทำให้ต้องซื้อซ้ำบ่อย

• เยอรมัน: อายุการใช้งานนานกว่าหลายเท่า เฉลี่ย 2–3 ปีขึ้นไป หากมีการบำรุงรักษาที่ถูกต้อง บางกรณีสามารถใช้ได้เกิน 5 ปี

3. ค่า Downtime

• จีน: ความเสี่ยงเสียกลางคันสูง ทำให้สายการผลิตต้องหยุดบ่อย ส่งผลให้เสียค่าแรง โอกาสในการผลิต และอาจเสียสัญญากับลูกค้า

• เยอรมัน: ความเสี่ยงเสียกลางคันต่ำมาก ทำให้การผลิตดำเนินได้ต่อเนื่อง สร้างความมั่นใจให้ทั้งฝ่ายผลิตและลูกค้า

4. การรับประกันและบริการหลังการขาย

• จีน: ส่วนใหญ่ไม่มีการรับประกันที่ชัดเจน หรือถ้ามีก็มักไม่ครอบคลุมจริง ทำให้เมื่อเกิดปัญหาผู้ใช้งานต้องรับความเสี่ยงเอง

• เยอรมัน: มี COA, Serial Number, ใบรับรองมาตรฐาน และการรับประกันจากผู้ผลิต บางแบรนด์ยังมีบริการเทคนิคและทีมวิศวกรช่วยแก้ปัญหา

5. ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือ

• จีน: เมื่อลูกค้าทราบว่าโรงงานใช้สินค้าราคาถูก อาจตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือ

• เยอรมัน: การใช้เครื่องมือมาตรฐานยุโรปช่วยยกระดับภาพลักษณ์องค์กร ผ่านการ audit ได้ง่าย และสร้างความเชื่อมั่นในสายตาลูกค้า

6. ต้นทุนแฝงที่มักถูกมองข้าม

• ค่าเทรนพนักงานใหม่: เมื่อเปลี่ยนเครื่องมือบ่อย ต้องเสียเวลาเทรนการใช้งานซ้ำๆ

• การบริหารสต๊อก: เครื่องมือที่ไม่ทนทานต้องสั่งเข้ามาเก็บบ่อย ทำให้สต๊อกแน่นและเสียพื้นที่คลังสินค้า

• ต้นทุนโอกาส (Opportunity Cost): หาก Downtime ทำให้พลาดการส่งมอบงานตรงเวลา อาจเสียสัญญาหรือโอกาสทำธุรกิจในอนาคต

สรุปตัวเลขเปรียบเทียบโดยประมาณ (ต่อรอบ 3 ปี)

• จีน: ราคาต่อชิ้น 1,000 บาท × เปลี่ยน 6 ครั้ง = 6,000 บาท + ค่า Downtime และต้นทุนแฝง ~4,000 บาท = 10,000 บาท

• เยอรมัน: ราคาต่อชิ้น 3,000 บาท × เปลี่ยน 1 ครั้ง = 3,000 บาท + ค่า Downtime ต่ำมาก ~1,000 บาท = 4,000 บาท

ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นชัดว่า แม้สินค้าจีนจะถูกกว่าในตอนแรก แต่เมื่อนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดมารวมกัน กลับแพงกว่าเยอรมันถึง 2.5 เท่า

กรณีศึกษา

โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่งในประเทศไทยเคยเลือกใช้เครื่องมือจากจีนเนื่องจากราคาถูก แต่พบว่าภายในปีแรกต้องเปลี่ยนเครื่องมือหลายรอบ และเสีย Downtime รวมกว่า 60 ชั่วโมง/ปี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 500,000 บาท ต่อมาโรงงานเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือจากเยอรมัน แม้ต้นทุนเริ่มต้นสูงขึ้น แต่สามารถลด Downtime เหลือไม่ถึง 10 ชั่วโมง/ปี และลดค่าใช้จ่ายรวมได้กว่า 40% ภายใน 2 ปี

"ดูตัวเลขแล้วตัดสินใจเอง"

แม้สินค้าเยอรมันจะดูแพงกว่าตั้งแต่แรก แต่เมื่อมองภาพรวมทั้งอายุการใช้งาน ความเสี่ยงการหยุดผลิต ต้นทุนแฝง และภาพลักษณ์องค์กร จะเห็นชัดเจนว่าการลงทุนในเครื่องมือคุณภาพสูงจากเยอรมันช่วยให้โรงงาน ประหยัดกว่าในระยะยาว

เพราะการตัดสินใจจากราคาอย่างเดียว อาจทำให้คุณจ่ายแพงกว่าที่คิดในตอนท้าย และการมอง Total Cost คือกุญแจสู่การบริหารต้นทุนที่แท้จริง

สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติม:

• โทรศัพท์ : 038-190-891 ถึง 3

• เบอร์มือถือ : 098-246-8540

• LINE ID : @hmgroupthailand

• อีเมล์ : [email protected]

ปลอดภัย มั่นใจ ได้มาตรฐานเยอรมัน 100%