ข่าวสาร มีผู้อ่าน 63
เขียนโดย Kamonpong Yiengsawang | Dec 22, 2025

เครื่องมือที่ดี ช่วยลดต้นทุนโรงงานได้อย่างไร



ในยุคที่การแข่งขันด้านการผลิตสูงขึ้นทุกปี โรงงานไม่ได้แข่งขันกันแค่เรื่องราคา แต่แข่งขันกันที่ ต้นทุนต่อหน่วย คุณภาพ และความสามารถในการส่งมอบตรงเวลา หนึ่งในปัจจัยที่ถูกมองข้ามมากที่สุด แต่ส่งผลต่อทั้งสามเรื่องโดยตรง คือ “เครื่องมือที่ใช้ในสายการผลิต”

หลายองค์กรยังมองเครื่องมือเป็นเพียงค่าใช้จ่าย (Expense) ที่ต้องกดราคาให้ต่ำที่สุด แต่โรงงานชั้นนำทั่วโลกกลับมองเครื่องมือเป็น การลงทุน (Investment) เพราะเครื่องมือที่ดีสามารถลดต้นทุนในมิติที่กว้างกว่าที่หลายคนคิด

บทความนี้จะพาคุณมองแบบผู้บริหารและฝ่ายวิศวกรรมว่า เครื่องมือที่ดีสามารถลดต้นทุนโรงงานได้อย่างไรบ้างในระยะกลางและระยะยาว


1. Downtime: ต้นทุนที่แพงที่สุดของโรงงาน

Downtime คือช่วงเวลาที่สายการผลิตหยุด ไม่ว่าจะเกิดจากเครื่องมือพัง เครื่องจักรขัดข้อง หรือการแก้ไขงานผิดพลาด ทุกนาทีของ Downtime คือเงินที่หายไปทันที แต่หลายโรงงานไม่เคยคำนวณต้นทุนนี้อย่างจริงจัง

เครื่องมือคุณภาพต่ำมักเสียกลางคัน สึกหรอเร็ว หรือให้ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ต้องหยุดงานเพื่อซ่อม แก้ หรือรออะไหล่ ในขณะที่เครื่องมือคุณภาพสูง โดยเฉพาะมาตรฐานยุโรป ถูกออกแบบให้ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนานและคาดการณ์อายุการใช้งานได้

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง:
โรงงานที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องมือคุณภาพสูงสามารถลด Downtime ได้ 30–60% ต่อปี ซึ่งแปลเป็นเงินหลายแสนถึงหลายล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดสายการผลิต


2. Total Cost of Ownership (TCO): ตัวเลขที่ต้องดูมากกว่าราคา

ราคาซื้อเครื่องมือครั้งแรก เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของต้นทุนทั้งหมด เครื่องมือราคาถูกอาจต้องเปลี่ยนปีละหลายครั้ง ในขณะที่เครื่องมือคุณภาพใช้งานได้หลายปีโดยไม่ต้องซ่อม

TCO ประกอบด้วย:

  • ราคาซื้อเริ่มต้น

  • ค่าเปลี่ยน/ซ่อมบำรุง

  • ค่าแรงที่เกี่ยวข้อง

  • ค่า Downtime

  • ค่าเสียโอกาสจากการส่งมอบล่าช้า

เมื่อนำตัวเลขเหล่านี้มารวมกัน จะพบว่าเครื่องมือที่ดูแพงในวันแรก กลับมีต้นทุนเฉลี่ยต่อปีต่ำกว่ามาก

ตัวอย่าง:

  • เครื่องมือราคาถูก 1,000 บาท ใช้ได้ 6 เดือน → 3 ปี = 6,000 บาท (ยังไม่รวม Downtime)

  • เครื่องมือคุณภาพ 3,000 บาท ใช้ได้ 3–5 ปี → ต้นทุนต่อปีต่ำกว่าอย่างชัดเจน


3. ลดงานเสีย (Reject) และการผลิตซ้ำ

เครื่องมือที่ดีให้ความแม่นยำและความสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นหัวใจของงานอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการวัด การตัด การขัน หรือการประกอบ ความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างงานเสียจำนวนมากได้

งานเสียไม่ได้หมายถึงแค่วัสดุที่ต้องทิ้ง แต่รวมถึง:

  • เวลาในการผลิตซ้ำ

  • ค่าแรงเพิ่มเติม

  • ความล่าช้าในกระบวนการถัดไป

โรงงานที่ใช้เครื่องมือคุณภาพสามารถลด Reject ได้ 20–50% ซึ่งส่งผลต่อ Cost per Unit โดยตรง


4. เพิ่ม Productivity โดยไม่ต้องเพิ่มคน

เครื่องมือที่ออกแบบตามหลัก Ergonomic และเหมาะกับงาน ช่วยให้พนักงานทำงานได้เร็วขึ้น เหนื่อยน้อยลง และผิดพลาดน้อยลง ซึ่งหมายถึงผลผลิตต่อคนต่อชั่วโมงที่สูงขึ้น

แทนที่จะเพิ่มพนักงานหรือเพิ่มกะการทำงาน โรงงานสามารถเพิ่ม Productivity ได้ทันทีจากการอัปเกรดเครื่องมือที่เหมาะสม


5. ลดต้นทุนด้านความปลอดภัยและอุบัติเหตุ

อุบัติเหตุจากเครื่องมือไม่ได้สร้างแค่ความเสียหายต่อพนักงาน แต่ยังสร้างต้นทุนทางกฎหมาย ประกัน และชื่อเสียง เครื่องมือที่ได้มาตรฐานยุโรปผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการแตก หัก หรือหลุดระหว่างใช้งาน

ต้นทุนจากอุบัติเหตุหนึ่งครั้ง อาจสูงกว่าราคาเครื่องมือทั้งปี


6. ผ่านมาตรฐาน ISO และ Audit ได้ง่ายขึ้น

โรงงานที่ทำงานกับลูกค้าระดับโลก ต้องผ่าน ISO, IATF หรือ Audit จากบริษัทแม่ เครื่องมือที่ดีมาพร้อม COA, Serial Number และเอกสารตรวจสอบย้อนกลับได้ ช่วยลดความเสี่ยงจากการไม่ผ่าน Audit ซึ่งอาจหมายถึงการเสียลูกค้าระยะยาว


7. ลดต้นทุนบริหารจัดการในระยะยาว

เมื่อโรงงานใช้เครื่องมือที่มีมาตรฐานเดียวกัน:

  • บริหารสต๊อกง่ายขึ้น

  • ลดความหลากหลายของอะไหล่

  • เทรนพนักงานได้เร็วขึ้น

  • วางแผนซ่อมบำรุงได้แม่นยำขึ้น

ทั้งหมดนี้คือการลดต้นทุนทางอ้อมที่สะสมมหาศาลในระยะยาว


บทสรุปสำหรับผู้บริหารและฝ่ายจัดซื้อ

เครื่องมือที่ดีไม่ใช่ต้นทุน แต่คือ ตัวลดต้นทุน ที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งในโรงงาน การตัดสินใจเลือกเครื่องมือจากมุมมอง TCO และผลกระทบต่อการผลิต จะช่วยให้โรงงาน:

  • ลด Downtime

  • ลดงานเสีย

  • เพิ่ม Productivity

  • คุมต้นทุนได้อย่างยั่งยืน

เพราะต้นทุนที่ต่ำที่สุด ไม่ใช่ของที่ถูกที่สุด แต่คือของที่ไม่ทำให้โรงงานหยุดเดิน และไม่ต้องจ่ายซ้ำในอนาคต

 

สนใจสั่งซื้อหรือสอบถามเพิ่มเติม:

 

ปลอดภัย มั่นใจ ได้มาตรฐานเยอรมัน 100%

KNIPEX – เครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของคุณ

บทความ

10 วิธี การจัดการเพื่อลดต้นทุนในคลังสินค้า

จากการที่ Hoffmann Group จะต้องมีการจัดเก็บสินค้าและส่งสินค้าไปมากกว่า 200 สาขาทั่วโลก เลยจำเป็นต้องมีการจัดการเรื่องคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพ ทีมงาน HM Group เลยอยากนำวิธีการบางส่วนมาแบ่งปันกัน

Hoffmann Group Workstation and Storage Design

การบริการ "workstations and storage solutions" ของHM Group สามารถให้บริการตั้งแต่เริ่มต้นงานดีไซน์จนกระทั่งจบกระบนการติดตั้ง และในทุกๆขั้นตอนเรามีมุ่งมั่นเพื่อที่จะให้คุณได้รับคุณภาพและการที่งานที่ดีที่สุด บนต้นทุนที่ดีที่สุดเช่นกัน

ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งานเพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานประแจได้อีกนาน

ประแจ เป็นเครื่องมือที่ใช้แรงบิดที่สำคัญ ใช้สำหรับจับ ยึด ขัน หรือคลายหัวสกรู นอต สลักเกลียว และท่อประแจจะมีรูปร่าง ขนาด และความยาวแตกต่างกัน

เลือกซื้อสว่านยังไง? ให้ถูกประเภทการใช้งาน

เครื่องมือช่างที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นช่างมืออาชีพ หรือมือสมัครเล่นที่จำเป็นจะต้องมีติดบ้านไว้ นั่นก็คือ สว่าน เนื่องจากเป็นเครื่องมืออุปกรณ์พื้นฐานที่สามารถใช้ได้กับงานหลากหลายทั่วไป เรียกว่า เป็นเครื่องมือที่ใช้ง่าย ใครๆก็สามารถใช้ได้

การเลือกซื้อประแจปอนด์หรือประแจทอร์ค

ประแจปอนด์ (Torque Wrench) เป็นเครื่องมือที่ใช้ตั้งค่าแรงบิด ค่าทอร์คเพื่อการไขน็อต หรืออุปกรณ์ยึดต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไขแน่นเกินไป หรือหลวมเกินไป

GARANT Screwdriver- ไขควงด้ามจับกันลื่น

เครื่องมือช่างบ้างชิ้นที่ขายกันอยุู่ตามท้องตลาดทุกวันนี้ต่างก็มีฟังก์ชั่นพิเศษเป็นเอกลักษณ์ในแต่ล่ะรุ่นและในแต่ล่ะแบรนด์ เพื่อตอบโจทย์ให้เข้ากับลักษณะงานของช่าง ในปัจจุบันเราใช้งานอุปกรณ์ช่างพื้นฐานอย่างไขควงกันในงานหลายประเภททำให้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ

สมัครรับข่าวสาร สมัครเพื่อรับข่าวสาร โปรโมชั่น สิทธิพิเศษจาก บริษัท เอช.เอ็ม. กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด